“ขึ้นรถได้แล้ว จะออกแล้ว” นายวัน ผู้มีประสบการณ์การเดินทางมากที่สุดตะโกนบอกเพื่อน
หลังจากจับจองที่นั่งได้ทุกคนก็ปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงวูดที่ดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการเดินทางแห่งความสุขได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฉึกฉัก ฉึกฉัก ฉึกฉัก เสียงดังก้องในหัว พร้อมกับยื่นหน้าไปสูดอากาศสดชื่นของทุ่งหญ้าสองข้างทาง
ตุ้ยนุ้ย หญิงร่างน่าฟัดที่ใช้บริการรถไฟเป็นประจำ คอยบริการอาหารการกินให้กับพองเพื่อน
ฟรุตกับจ๊ะเอ๋ สองสาวคู่ซี้ นั่งคุยอย่างมีความสุขกับการโดยสารรถไฟครั้งแรก
หนุ่มๆ ที่เหลือเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูป ตามประสาคนบ้ากล้อง
คนขายของกระโดดขึ้นรถระหว่างทาง พร้อมไก่ย่าง ข้าวกล่อง น้ำกระป๋องตามลำดับ
กว่าจะถึงจุดมุ่งหมายปลายทางที่น้ำตก รถไฟได้ผ่านสถานที่ต่างๆ สร้างประสบการณ์ความประทับใจมากมาย
นักท่องเที่ยวโบกี้ที่หนึ่งชะโงกดูหมอนรองรางรถไฟ ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง
ความเร็วระดับห้ากิโลเมตรต่อชั่วโมงบนเส้นทางวิ่งผ่านเหว ทำให้หัวใจบางคนสูบฉีดอย่างรวดเร็วหรือแทบหยุดเต้นก็ไม่อาจรู้ แต่ที่แน่ๆ เมมโมรี่ในกล้องถูกใช้ไปเกือบหมด
ฉึกฉัก ฉึกฉัก ฉึกฉัก เสียงไม่เพราะเท่าตอนบี้ร้องเพลง แต่ทำไมยิ่งฟังยิ่งมีความสุข ฉึกฉัก ฉึกฉัก ฉึกฉัก
รถไฟฉลอความเร็วพร้อมกับเทียบสถานีปลายทางอย่างช้าๆ ผู้คนยืนรอตรงทางออกใจจดใจจ่อกับน้ำตกที่เย็นช่ำ
วันกับปอ เร็วกว่าใครเพื่อนตามประสาวัยรุ่น ลงจากรถแล้วตะโกนเรียกเพื่อนๆ จากด้านล่างให้รีบลงมาได้แล้ว
เพื่อนที่เหลือไม่รอช้ารีบเก็บสัมภาระทันที
กึก กึก เสียงเล็กๆ ดังอย่างเบาๆ ดังเข้ามาดั่งเสียงกระซิบข้างหู
รถไฟค่อยๆ เคลื่อนที่ แต่ที่แปลกคือมันไม่ได้ไปข้างหน้า และที่แปลกกว่าคือมันวิ่งแบบลืมหัว
หัว ในที่นี้หมายถึง หัวจักร
หัวจักร ในที่นี้หมายถึง ส่วนที่ควบคุมรถไฟ
วันกับปอ มองกลุ่มเพื่อนที่ยังอยู่บนรถไฟอย่างสงสัยจนลับตาไป
ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย สามสาวหันมาถามเพื่อนหนุ่มๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ได้ลงเลย
“คงถอยไปจอดที่ใกล้ๆ มั่ง” พี่ปี พี่ใหญ่ของน้องๆ ตอบให้สบายใจ
รถไฟวิ่งย้อนลงมาเรื่อยๆ แต่ความเร็วมันไม่เป็นแบบเรื่อยๆ
โค้งแล้วโค้งเล่า เริ่มรู้สึกเหมือนขับรถไม่แตะเบรค
ผู้คนที่ยืนรอลงตรงประตูเริ่มถอยกลับมานั่งที่ ทุกคนทั้ง 6 โบกี้ เริ่มมองตากันส่งข้อความถึงกันโดยไม่ต้องรอระบบสามจี ว่า “เกิดอะไรขึ้นว่ะเนี่ย”
“รถไฟหลุดจากที่จอดและไหลย้อนลงมาเหมือนปล่อยของลงจากที่สูง สร้างความเร็วระดับร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่งโมง” ผู้ชายวัยกลางคนอุ้มลูกๆ ไว้แน่นกรุณาให้ความรู้แก่ผู้ตั้งคำถาม
เต็มกับระ สองหนุ่มวางกล้องโดยฉับพลันพร้อมยิงคำถามทันที
“แล้วทำไงต่อครับพี่”
“ถ้ารถชะลอความเร็วลงบ้าง โดดได้ต้องโดด ไม่งั้นไปถึงเหวเมื่อไหร่ !!!ฉิบหายแน่??”
เต็มกับระสองหนุ่มได้ฟังคำตอบ ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี นี่แม่งเรื่องจริงเหรอว่ะยังกับในหนัง
ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย นั่งเกาะที่นั่งไว้แน่น ความเร็วและโค้งทำให้ของเทกระจาดเกลื่อนกลาด
เต็ม รู้ว่ามันเป็นนาทีวิกฤต แต่ต้องมีสติ จึงเดินไปบอกเพื่อนสาว “ไม่ต้องตกใจนะ จับที่นั่งไว้ดีๆ”
ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย สบายใจขึ้นมาก
“มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ถ้าโดดลงได้โดดนะ” ประโยคต่อมาของเต็มแทบทำให้ทั้งสามสาวเป็นลม เพราะนี่มันถึงตายเลยนะ
ยังไม่พอ ทันทีที่พูดเสร็จ เต็มล้วงพระที่ห้อยคออยู่ ขึ้นมาเหนือหัวไหว้อย่างจริงจัง ทุกบทสวดที่จำได้
อวัจจนภาษาที่ร่ำเรียนมามันหมายถึงอย่างนี่นี้เอง ไม่ต้องพูด ดูท่าอย่างเดียวเยี่ยวก็แตกแล้ว
ระเดินมาดูที่ปลายโบกี้พร้อมรอเวลาโดด ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย มองอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าเพื่อนโดดกูก็โดด
ทันใดนั้นเหมือนมีความหวังสุดท้ายเปล่งแสงออกมา เจ้าหน้าที่รถไฟวิ่งมาพร้อมกับคนขายของ
ทุกคนสบายใจเหมือนตอนเอ็นติดมหาลัย
“ดึงโซ่ ดึงโซ่” นายรถไฟตะโกนบอกผู้โดยสาร
พี่ปีสร้างความเป็นหนึ่งเดียวตะโกนบอกน้องๆ “เอ้า หนึ่ง สอง สาม ดึง”
ความเร็วรถไฟไม่เปลี่ยนแปลง หรือเกิดสิ่งใดขึ้นให้มีความหวังว่ามันอยากจะหยุด
แต่ทุกคนพบว่าโซ่ที่ช่วยกันดึงกลับหลุดขาดคามือ เวรกรรมครับเวรกรรม
เจ้าหน้าที่รถไฟวิ่งไประหว่างโบกี้ก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่าง เต็มวิ่งตามไปช่วยด้วยความดีใจ
เจ้าหน้าที่ดึงคันโยกลักษณะเหมือนเบรกมือในรถยนต์ มีเสียงเกิดขึ้นดัง ฟู่ ฟู่ ฟู่
“ดึงเบรกได้แล้วใช่มั้ยครับพี่ รถเบรกแล้วพวกเรา” เต็มตะโกนด้วยความดีใจสุดขีด
ฉึกฉัก ฉึกฉัก ฉึกฉัก เสียงที่เคยไพเราะ กลับเป็นเสียงที่ทุกคนหวาดกลัว และไม่มีท่าทีว่าจะเงียบลง
เจ้าหน้าที่รถไฟรีบวิ่งไปอีกโบกี้ เต็มเริ่มงง “ทำไมมันไม่หยุดล่ะพี่”
“เบรคแตก” สองคำสั้นๆ ทำทุกอย่างเงียบสนิท
ระมองไปรอบๆ สิ่งที่เห็นมันเป็นความฝันรึเปล่า
พ่ออุ้มลูกแน่นพร้อมกระโดดปกป้องแก้วตาดวงใจ
แม่วัยกลางคนลูบหัวลูกน้อยพร้อมน้ำตาที่ไหลอย่างหวาดกลัว
คุณยายนั่งลงกับพื้นรถไฟเพราะทนแรงเหวี่ยงไม่ไหว สวดมนต์กับพระที่ติดตัว
หนุ่มน้อยโทรศัพท์บอกครอบครัวที่รัก กล่าวลาเหมือนในหนัง
ทำให้เข้าใจเลยว่าคำว่า “รัก” มันมีความหมายเพียงใด
ระ เต็ม พี่ปี ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย มองตากันนิ่งเงียบ เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าถ้าโดดลงไปจะเป็นอย่างไร
ทุกอย่างนิ่งเงียบ มีแต่เสียง ฉึกฉัก ฉึกฉัก ฉึกฉัก ดังสนั่น
………………………..
ณ สถานีหนึ่ง ผู้คนนับร้อยนุ่งขาวห่มขาว ใช้วันนี้ที่เป็นวันพระใหญ่ นั่งสมาธิ และสวดมนต์
มีรถไฟหกโบกี้วิ่งถอยหลังมาจอดอย่างเงียบสงบ ไร้เงาของหัวจักร
ผู้ปฎิบัติธรรมซึ่งไม่รู้เรื่องรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตันใจยิ่งนัก คงนึกว่าถอยหลังมาร่วมปฎิบัติธรรม
ผู้คนตะเกียกตะกายออกจากรถไฟ กระโดดลงทางหน้าต่างบ้าง ก้าวตกพงหญ้าบ้าง ขอแค่ให้มีชีวิตอยู่บนพื้นดินที่ไม่วิ่งพาเราไปไหน
ระ เต็ม พี่ปี ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย ลงจากรถอย่างปลอดภัย รอยช้ำที่เกิดจากการกระแทกบนรถไฟกลายเป็นแผลน้อยนิดยิ่งกว่ามดกัด
วันกับปอ โทรมาสอบถามทันควัน และโล่งใจที่ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับเพื่อนๆ
ความชุลมุนเกิดขึ้นพร้อมกับความโกรธของผู้คน เจ้าหน้าที่รีบตามมาอธิบายและปรับความเข้าใจ สามารถแก้ไขได้ส่วนหนึ่ง
แต่บางคนสาบานเลยว่าไม่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานหรือเกิดจากระบบของอุปกรณ์ ชีวิตของเค้าจะไม่ฝากไว้กับการเดินทางสุดแสนคลาสิคนี้อีกแล้ว
รถไฟจอดได้อย่างไร ยังคงเป็นคำถามอยู่ในใจของ ระ เต็ม พี่ปี ฟรุต จ๊ะเอ๋ ตุ้ยนุ้ย รวมถึงวันกับปอ
โซ่ที่ช่วยกันดึงจนขาด เบรคที่เจ้าหน้าที่ดึง คำสวดมนต์จากทุกชีวิต หรือเกิดปาฎิหาริย์
ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลใด สิ่งสำคัญที่สอนทุกคนในครั้งนี้คือ
สิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตไม่ว่าจะเริ่มแรกหรือท้ายสุดของเวลา
นั่นคือ ความรัก นั่นเอง
* แต่ถ้ามีเรื่องเซ็กส์ปนอีกนิดล่ะก็ แจ่มเลย *