วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เปลี่ยนคำถาม

ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งออกมา สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นคือสื่อและรายการต่างๆ ในหลายๆ ช่อง

พยายามออกข่าว สัมภาษณ์ ผู้ที่ทุกคนให้ความเห็นว่า เป็นตัวแปรสำคัญในการปรองดอง

นั่นคือ อดีตนายกทักษิณ

มีการแข่งกันทำข่าวตั้งแต่สัมภาษณ์แสดงความยินดีกับผลเลือกตั้ง ต่อสายให้พูดคุยกับน้องสาว

มีเยอะจนบางคนบอกว่า ตกลงใครได้เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งกันแน่

บางท่านก็บอกว่า สื่อเก่งมากขนาดหนีคดีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ยังตามเจอได้สบาย

บางคนรู้สึกเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่า มันจะออกมาเป็นรูปแบบนี้

จนมาถึงวันนี้ ผมได้มีโอกาสดูรายการหนึ่งมีการสัมภาษณ์เหมือนที่ทำกันมา

เลยเริ่มนึกขึ้นมาได้ว่า ทำไมสื่อถึงถามอะไรที่มันเป็นการสร้างคำตอบเดิมๆ

เช่น ได้ข่าวว่าเสียสละในการไม่กลับประเทศ?

ได้ข่าวว่าอาจจะไม่กลับมางานแต่งลูก?

แล้วก็ให้พูดถึงอนาคตประเทศชาติและอยากให้คนจดจำในฐานะอะไร?

คำตอบที่พอจะสรุปได้คือ

ไม่กลับประเทศก็ได้ถ้ามีปัญหา และถึงแม้อยากจะมาแสดงความยินดีกับลูกมากขนาดไหน

แต่เพื่อส่วนรวม ก็พร้อมทำให้

ส่วนอนาคตอยากให้ทุกคนลืมอดีตและก้าวไปข้างหน้า

ตัวเองประสบความสำเร็จแล้วต่อไปขอทำประโยชน์แก่ประชาชนที่ลำบาก

อยากให้คนจดจำเขาไว้ในฐานะคนที่ไม่ทิ้งประชาชนยากจน คนที่รักประเทศ คนที่เคารพในหลวง

........ผมไม่ขอพูดถึงคำตอบ เพราะเชื่อว่าทุกคนมีความคิดเห็นอยู่ในใจเป็นของตัวเอง....

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะให้สื่อได้ลองทำบ้าง คือ การเปลี่ยนคำถาม เหมือนที่กล่าวไว้ข้างต้น

อยากเห็นสื่อถามในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย อยากเห็นสื่อที่ถามในสิ่งที่สื่ออยากรู้คำตอบเช่นกัน

อย่าลืมว่าคุณเป็นสื่อ เป็นนักข่าว ไม่ใช่แค่คนรับจ้างถือไมค์ แล้วรับเงินกลับบ้าน

ตอนนี้มีสถานะเป็นบุคคลกระทำผิด มีคดี มีความคิดอยากกลับไปทำให้ถูกต้องเหมือนประชาชนทั่วไปบ้างไหม เพราะมันอาจเป็นการแสดงความตั้งใจในการสร้างความปรองดองทางหนึ่ง?

ถ้ารักประเทศ ทำไมให้คนเผาบ้านเผาเมือง ในเมื่อคุณมีพลังในการชี้นำ?

ถ้ารักในหลวง ทำไมปล่อยให้ให้มีคนในกลุ่มของคุณลบหลู่ จาบจ้วง สถาบันกษัตริย์?

เชื่อว่าหลายคนไม่อยากฟังคำตอบหรอกครับ แต่อยากฟังคำถามที่หลุดจากปากผู้มีโอกาสถามมากกว่า

ไม่ใช่คอยแต่พูดว่า ท่านอย่างโน่น ท่านอย่างนี้ คุณเรียกคนที่มีคดีติดตัวว่าท่าน

ต่อไปลูกหลานจะแยกไม่ออกนะครับว่า ดี ไม่ดี ถูก ผิด มันต่างกันอย่างไร

มันอวยกันจนน่าเบื่อเกินไปครับ...