วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ตรวจผู้ต้องสงสัย

เลิกงาน 5 โมงเย็น ถ้าไม่ติดงานด่วนผมจะวิ่งเอาเหงื่อหรือไม่ก็เล่นบอลกีฬาโปรดเป็นการออกกำลังกายเรียกเหงื่อครับ เพื่อสุขภาพที่ดีด้วย

เพราะฉะนั้นที่โต๊ะทำงานของผมจะมีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนและอุปกรณ์อาบน้ำติดไว้เสมอ เล่นเสร็จประมาณทุ่มนิดหน่อย ก็จะนั่งพัก อาบน้ำ และเปลี่ยนชุดนั่ง รถประจำทางกลับบ้านครับ

ผมเป็นคนร้อนง่ายหนาวง่ายครับ และถ้ารู้สึกอึดอัดเวลาร้อนๆ เหงื่อออกเหนียวตัวด้วยแล้ว ทำไรไม่ได้ครับมันหงุดหงิด ชุดที่ผมใส่นั่งรถกลับบ้านคือเสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ นึกถึงตอนใส่ชุดอยู่บ้านน่ะครับ และจะมีเป้ใส่ชุดกีฬากับชุดทำงาน และอุปกรณ์ติดตัวต่างๆ จนตุงหนึ่งใบ

หลายคนก็ทักนะครับว่าใส่ชุดหยั่งนี้ขึ้นรถเหรอ ผมเข้าใจครับว่ามันดูสบายและอาจโทรมไปสำหรับบางคน แต่ผมว่าเมืองไทยมันเมืองร้อนครับ ควรใส่อะไรที่มันบางๆ เบาๆ และสบายตัว ถึงจะเหมาะ และอีกอย่างถ้าใครได้ใช้รถประจำทางหรือรถทัวร์บ่อยๆ จะทราบว่าบางคันมันก็แอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้างครับ เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน

ถ้าพอมีเวลาเหลือผมก็จะเดินเข้าห้างสรรพสินค้าก่อนเข้าบ้านครับ ดูหนังสือบ้าง เพลงบ้าง หนังบ้าง แวะเข้าห้องน้ำไปฉี่อย่างเดียวก็มีครับ

ก่อนเข้าห้างก็จะเจอจุดตรวจตราความเรียบร้อยครับ ช่วงที่บ้านเมืองมีเหตุวุ่นวายต่างๆ นานา จะมีการตรวจเข้มเป็นพิเศษ

เชื่อไหมครับว่าผมเดินเข้าห้างพร้อมคนหลายๆ คน ผมเจอหยุดตรวจอยู่คนเดียวครับ ทีแรกก็ไม่สนใจ แต่พอโดนตรวจสามวันติดเริ่มเซ็งครับ โอเค หน้าผมอาจไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส หรือผมของผมอาจยาวรุงรัง แต่น่าจะสุ่มตรวจหลายๆ คนนะครับ แถมบางทีให้ผมเปิดเป้ให้ดู รื้อไปรื้อมาอยู่นั้น บางวันผมเลยแกล้งเอาชุดบอลเหงื่อชุ่มๆ กับกางเกงในไว้ข้างบนซะเลย

เท่าที่ผมสังเกต ตั้งสมมติฐาน และทำการทดลอง ตามตัวแปรต่างๆ แล้ว สรุปได้ว่า ที่เค้าตรวจผมเพราะชุดที่ผมใส่ครับ มันเป็นเหมือนชุดอยู่บ้าน ไม่หล่อ สุภาพ เรียบร้อย เหมือนที่คนอื่นส่วนมากใส่กัน เลยต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในการโดนตรวจค้นครับ

เคยเสียเวลาทดลองครับ วันหนึ่งเดินเข้าห้างแล้วก็โดนตรวจตามเคย พอตรวจเสร็จผมเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเป็นชุดทำงานเต็มยศ เอาเป้ไปฝากเคาเตอร์ชั้นล่าง เดินออกนอกห้าง วนไปขึ้นบันไดเข้าห้างอีกทีครับ จุดเดิม ที่เดิม คนตรวจเดิม ตัวผมคนเดิม แต่เปลี่ยนชุดหล่อครับ

ผ่านฉลุย ชิวชิว

ผมไม่เคยโทษเจ้าหน้าที่น่ะครับ เพราะเพื่อนผมก็บอกว่าถ้าเป็นมัน มันก็ตรวจผมแน่นอน

เพียงแค่รู้สึกขำเล็กๆ ครับ ผมไม่ปฎิเสธครับว่าภาพลักษณ์ข้างนอกของเรามันสำคัญ แต่ต้องดูสถานการณ์ควบคู่ด้วยก็คงดีครับ ถ้าต้องการตรวจเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่ข้างในตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวคน หรือตัวสิ่งของต่างๆ ก็ควรเข้มงวดกับสิ่งที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่จะคอยครวจเข้มเฉพาะกับสิ่งที่เห็นภายนอกครับ

สังคมเราบางทีก็สั่งสมค่านิยมบางอย่างที่แปลกๆ ครับ จนบางทีทำให้เราลืมความหมายของหน้าที่ตัวเอง

บางทีเวลาที่ผมต้องโดนหยุดตรวจ ผมมองดูคนที่ใส่สูทผูกไทเดินผ่านไปมา ก็ทำให้ผมหายสงสัยครับว่า ทำไมบางทีเรารู้ทั้งรู้ว่ามีผู้ทำผิด อยู่ตรงไหน และที่ใดบ้าง แต่ทำไมไม่ไปตรวจหรือจับเข้าคุกกัน

อาจเป็นเพราะชุดล่องหนที่ใส่กันอยู่ก็ได้ 555

post-1390-1199937681        01_46

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

ความเชื่อ

มีอยู่วันหนึ่งติดรถน้องที่ทำงานไปทำธุระครับ นั่งรถก็คุยกันไปเรื่อยๆ ขับไปเรื่อยๆ ผมก็ค้นรถเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนกัน

ไปเจอพวงกุญแจห้อยอยู่ที่บังแดดเหนือหัวครับ เอาลงมาดูเล่นเพราะอยากรู้ว่าทำไมเอามาไว้อยู่ตรงนี้

เป็นพวงห้อยกุญแจธรรมดาทั่วไปเนี่ยแหละครับเป็นรูปแคน (เครื่องเป่าพื้นเมืองชนิดหนึ่ง)

ถามไปถามมาน้องบอกว่าพระให้มา

ผมงงนิดหน่อยครับ ว่าทำไมพระให้พวงกุญแจแทนที่จะเป็นอะไรก็ตามแต่ที่ช่วยเสริมหรือคุ้มกันด้านจิตใจ

น้องบอกต่อไปอีกว่า พระให้มาติดตัวไว้ ช่วยเสริมดวง

ช่วยยังไงว่ะ ผมถามน้องนะครับ ไม่ได้ถามพระ อย่าตกใจ

มีติดตัวไว้ จะได้ไม่ขาดแคลน น้องตอบ

หายงงครับท่าน มีแคนติวตัวไว้ จะได้ไม่ขาดแคลน

ต้องยอมรับครับว่า ผมแอบยิ้มนิดหน่อย หัวเราะบ้างพอเป็นพิธี น้องคงรู้ครับว่าผมว่ามันดูแปลกๆ และไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ จึงรีบบอกผมว่า “ก็พกไว้ ยังไงซะก็สบายใจขึ้น จะช่วยได้หรือยังไงค่อยว่ากันอีกที”

ผมไม่ได้ลบหลู่ครับ เพราะเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน ความเชื่อ ความศรัทธาส่วนตัว ถือเป็นเหตุผลหนึ่งครับ ไม่ต่างจากความชอบ

ทุกครั้งที่ผมแข่งบอล ผมชอบใส่เบอร์ 10 ครับ เพื่อนๆ ที่เล่นด้วยก็รู้ใจเอาเสื้อเบอร์ 10 ไว้ให้ผมเสมอ ใส่ทีไรรู้สึกว่าตัวเองเล่นดี เทพเข้าแข้งครับ เปเล่ ซีดาน ประมาณนั้นเลย ทั้งที่จริงๆ แล้ว บางทีตอนถอดเสื้อเล่น ยังเล่นดีกว่าซะอีก

ความชอบ ความเชื่อ นี่แหละครับ ทำให้เกิดความมั่นใจ พอมีความมั่นใจก็ทำให้พร้อมที่จะทำอะไรได้อย่างเต็มที่ครับ

สมัยวัยรุ่นผมมักนอนดึกเพราะชอบบรรยากาศทำการบ้านตอนกลางคืนครับ มันไฟลนตูดดี

ดึกๆ จึงต้องออกไปหาของใส่ท้องเพิ่มพลังเสมอ มีวันหนึ่งขณะกำลังรออุ่นไส้กรอกในร้านสะดวกซื้อ เจอเพื่อนสุดหล่อที่เคาเตอร์พอดี

เห็นมันซื้อถุงยาง 2 กล่องครับ พอเดินออกนอกร้านจึงแซวว่า มึงจะไปออกรบศึกหนักหรือไปแบ่งขายว่ะ

มันบอกว่าต้องใส่สองชั้นถึงมั่นใจ จะซื้อกล่องเดียวมันก็มีแค่สามชิ้น ไม่ลงตัวรอบหน้า พูดเสร็จมันก็รีบบึ่งรถหายไปอย่างรวดเร็ว

ทำให้ผมรู้เพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า ความกลัวก็ทำให้เราขยันสร้างความมั่นใจขึ้นได้เหมือนกัน

นึกถึงเพื่อนคนนี้แล้ว ตอนนี้ผมคงต้องไปหาหลวงพี่คนนั้นบ้างแล้วล่ะครับ

จะได้ไม่ขาดแคลน 555

kaen spd_20091028205417_b condom

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

ยี่ห้อนั่นสำคัญไฉน???

 

ทุกเดือนที่บ้านจะต้องไปจับจ่ายซื้อของใช้กันครับ ไปทีก็หมดตัวกันไปที ล่าสุดช่วงปีใหม่ครับ พอไปถึงก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่หยิบของคนละอย่างสองอย่าง

ซักพักก็มารวมตัวกันที่รถเข็น บางทีก็ต้องสองคันครับ ซื้อนึกว่าเอาไปแบ่งขายเหอะ

เหลือบไปเห็นชุดกระเช้าอวยพรครับ เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่นิยมให้อวยพรกัน แต่ดูไปดูมามันเป็นยี่ห้อที่ไม่คุ้นครับ แต่คล้ายๆ กันมาก บใบไม้เหมือนกันแต่สะกดไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ แต่ก็ถามที่บ้านดูว่าทำไมเอายี่ห้อนี้

คุยไปคุยมากลับเป็นว่าหยิบมานึกว่าเป็นยี่ห้อดั่งเดิม ผลสุดท้ายเอาไปคืนที่เดิมไม่เอา แถมไม่เอายี่ห้อเดิมด้วย

งงสิครับงานนี้ เลยถามว่าแล้วทำไมไม่เอาอันดั่งเดิมไปล่ะ

“จัดไม่สวย ไม่มีแบบที่อยากได้” แม่ตอบ

แล้วทำไมไม่เอายี่ห้อใหม่ที่จัดถูกใจล่ะ ผมถามดาบสอง

“ไม่เอา ยี่ห้อไม่รู้จัก”

สุดท้ายก็จบตรงเดินไปหานมยี่ห้อดังเป็นของอวยพรญาติครับ

เลยรู้สึกว่า การจะเปลี่ยนใจผู้บริโภคนั่นช่างยากเสียจริง

ความเชื่อว่าถ้าให้ของอวยพร ต้องยี่ห้อนี้ ของเพื่อสุขภาพก็จะต้องนึกถึงแบบนี้

เปลี่ยนยากมากครับ เพราะคนซื้อตอนซื้อนั้นไม่ได้นึกถึงการบริโภคครับ

แต่นึกถึงตอนถือไปให้ซะมากกว่า

กินไม่กิน ชอบไม่ชอบ ไม่รู้ แต่มันต้องอันนี้ยี่ห้อนี้ สบายใจผู้ให้ครับ

นึกถึงเวลาซื้อ มาม่า หรือ แฟ้บ ก็ได้ครับ

คุณซื้อตรงกับชื่อมันบ้างรึเปล่า

เคยเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งจ่ายตังค์ตอนซื้อของครับ ลูกบอกว่าให้รอเดี๋ยวจะวิ่งไปเอามาม่าไว้กินเล่น

กลับมาพร้อมไวไวแพคใหญ่ แม่ถามว่ามันคนละยี่ห้อกันนี่ลูก

ลูกบอก “อันนี้มันอร่อย”

สุดท้ายก็จ่ายตังค์ไปกลับบ้านเรียบร้อย

อันนี้แหละครับเรียกว่าซื้อของให้คนรับ ไม่ใช้ซื้อของให้คนซื้อ

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

เชียงราย

 

ช่วงก่อนปีใหม่มีโอกาสดีได้ไปเที่ยวเชียงรายกับเพื่อนๆ ครับ ไปมาประมาณ 6-7 วัน

ไปเช่ารถแล้วขับเที่ยวตามประสาวัยรุ่นตอนปลายนิดๆ ครับ ได้ไปมาหลายๆ ที่ ไร่นกกระจอกเทศ, ภูชี้ฟ้า, ผาตั้ง, แม่สาย, วัดร่องขุ่น, ดอยช้าง, ดอยตุง, น้ำตกภูซาง

ประทับใจในทุกๆ ที่ครับ ถ้าจะให้เล่าคงยาวน่าดู ทั้งความสวยงามจากสถานที่ และบรรยากาศผู้คนรอบข้าง รวมถึงได้ไปกับกลุ่มเพื่อนคอเดียวกันแล้ว มีแต่มันส์กับฮาครับ

แต่ที่รู้สึกบางอย่างแปลกๆ ก็คือ ตามจุดท่องที่ยวบางแห่งนั้น จะมีเด็กน้อยท้องถิ่น หรือชาวเขา มาคอยให้บริการแนะนำจุดท่องเที่ยว หรืออาจเป็นการแสดงต่างๆ รวมไปถึงการเพิ่มสีสันในการถ่ายภาพ

ผมเห็นด้วยนะครับ ว่า หนึ่งนักท่องเที่ยวชอบ สองเด็กๆ ได้รับสิ่งตอบแทนเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

แต่ที่ว่าแปลกๆ คือ อย่าให้มันมากเกินไป จนกลายเป็นการแข่งขันครับ

ในหลายๆ จุด นักท่องเที่ยวถูกรมล้อมอย่างกับดาราเลยครับ หรือบางแห่งถ้าใครนั่งรอดูทะเลหมอกนานๆ แล้วล่ะก็ จะได้ยินประโยคพูดข้างหูวนแล้ววนเล่าไม่รู้กี่สิบรอบ

“ถ่ายรูปกับเด็กชาวเขามั้ยค่ะ ถ่ายรูปกับเด็กชาวเขามั้ยครับ”

ผมไม่ได้ว่าเด็กๆ ทำผิดนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าถ้ามันเป็นเพราะถูกผู้ใหญ่คอยสั่งให้ทำอยู่เรื่อย จนเกินน่ารัก มันก็จะทำให้เสียบรรยากาศได้บ้างเหมือนกัน

ความรู้สึกจะคล้ายๆ นั่งกินข้าวและมีคนมาคอยหวยอยู่ตลอดน่ะครับ

อยากจะให้ผู้ดูแลตามจุดท่องเที่ยวคอยดูแลและควบคุมให้เป็นระเบียบ และมีไม่มากไม่น้อยจนเกินไปครับ ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายคงได้ประโยชน์ร่วมกัน :P

F1160003_resize F1160009_resize F1160026_resize F1170017_resize F1160025_resize F1160031_resize

 

F1180012_resize F1180019_resize

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

สวัสดีปีเสือ

เป็นยังไงบ้าง ปีใหม่ไปเที่ยวไหนกันมาครับ

ผมอยู่บ้านที่บางนา รู้สึกดีครับ ฉลองปีใหม่กับครอบครัว

มีโอกาสผ่านไปแถวย่านชุมชนบ้าง รู้สึกสบายกับการจราจรมากครับ รถโล่ง คนน้อย

ได้ฟังข่าวหรือดูทีวีรายการอะไรจำไม่ได้ เค้าแนะว่าช่วงปีใหม่น่าจะมีไกด์จัดทัวร์สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วอยากเข้ามาเที่ยวที่กทม.บ้าง

เพราะเหมาะมากในการจราจรและพาชมสถานที่ต่างๆ แบบไม่ต้องแออัดเบียดเสียดจนเกินไป คนไปเที่ยวต่างจังหวัดหมด

ผมเห็นด้วยครับ เพราะปกติผมก็เป็นประเภทไม่ขยันเข้าไปเที่ยวในโซนกรุงเทพที่รถติด เพราะหงุดหงิด จิตตกครับ

แต่ถ้าเป็นช่วงปีใหม่ อากาศเป็นใจหนาวซักนิดล่ะก็ เมืองสวรรค์ของแท้ครับ ได้ไปในที่ที่อยากไปโดยใช้เวลาที่สมควรจะเป็น ไม่ใช่หลับแล้วหลับอีก

ถ้าผมมีความสามารถเป็นไกด์เมื่อไหร่ จัดแน่ๆ เที่ยวกรุงเทพฯ แดนศิวิไล 3 วัน 2 คืน

ปล่อยให้คนกรุงเค้าได้ไปดูหมอกจริงๆกันเถอะครับ…เพราะดมหมอกท่อไอเสียมานานนับปีแล้ว 555