เลิกงาน 5 โมงเย็น ถ้าไม่ติดงานด่วนผมจะวิ่งเอาเหงื่อหรือไม่ก็เล่นบอลกีฬาโปรดเป็นการออกกำลังกายเรียกเหงื่อครับ เพื่อสุขภาพที่ดีด้วย
เพราะฉะนั้นที่โต๊ะทำงานของผมจะมีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนและอุปกรณ์อาบน้ำติดไว้เสมอ เล่นเสร็จประมาณทุ่มนิดหน่อย ก็จะนั่งพัก อาบน้ำ และเปลี่ยนชุดนั่ง รถประจำทางกลับบ้านครับ
ผมเป็นคนร้อนง่ายหนาวง่ายครับ และถ้ารู้สึกอึดอัดเวลาร้อนๆ เหงื่อออกเหนียวตัวด้วยแล้ว ทำไรไม่ได้ครับมันหงุดหงิด ชุดที่ผมใส่นั่งรถกลับบ้านคือเสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ นึกถึงตอนใส่ชุดอยู่บ้านน่ะครับ และจะมีเป้ใส่ชุดกีฬากับชุดทำงาน และอุปกรณ์ติดตัวต่างๆ จนตุงหนึ่งใบ
หลายคนก็ทักนะครับว่าใส่ชุดหยั่งนี้ขึ้นรถเหรอ ผมเข้าใจครับว่ามันดูสบายและอาจโทรมไปสำหรับบางคน แต่ผมว่าเมืองไทยมันเมืองร้อนครับ ควรใส่อะไรที่มันบางๆ เบาๆ และสบายตัว ถึงจะเหมาะ และอีกอย่างถ้าใครได้ใช้รถประจำทางหรือรถทัวร์บ่อยๆ จะทราบว่าบางคันมันก็แอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้างครับ เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน
ถ้าพอมีเวลาเหลือผมก็จะเดินเข้าห้างสรรพสินค้าก่อนเข้าบ้านครับ ดูหนังสือบ้าง เพลงบ้าง หนังบ้าง แวะเข้าห้องน้ำไปฉี่อย่างเดียวก็มีครับ
ก่อนเข้าห้างก็จะเจอจุดตรวจตราความเรียบร้อยครับ ช่วงที่บ้านเมืองมีเหตุวุ่นวายต่างๆ นานา จะมีการตรวจเข้มเป็นพิเศษ
เชื่อไหมครับว่าผมเดินเข้าห้างพร้อมคนหลายๆ คน ผมเจอหยุดตรวจอยู่คนเดียวครับ ทีแรกก็ไม่สนใจ แต่พอโดนตรวจสามวันติดเริ่มเซ็งครับ โอเค หน้าผมอาจไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส หรือผมของผมอาจยาวรุงรัง แต่น่าจะสุ่มตรวจหลายๆ คนนะครับ แถมบางทีให้ผมเปิดเป้ให้ดู รื้อไปรื้อมาอยู่นั้น บางวันผมเลยแกล้งเอาชุดบอลเหงื่อชุ่มๆ กับกางเกงในไว้ข้างบนซะเลย
เท่าที่ผมสังเกต ตั้งสมมติฐาน และทำการทดลอง ตามตัวแปรต่างๆ แล้ว สรุปได้ว่า ที่เค้าตรวจผมเพราะชุดที่ผมใส่ครับ มันเป็นเหมือนชุดอยู่บ้าน ไม่หล่อ สุภาพ เรียบร้อย เหมือนที่คนอื่นส่วนมากใส่กัน เลยต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในการโดนตรวจค้นครับ
เคยเสียเวลาทดลองครับ วันหนึ่งเดินเข้าห้างแล้วก็โดนตรวจตามเคย พอตรวจเสร็จผมเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเป็นชุดทำงานเต็มยศ เอาเป้ไปฝากเคาเตอร์ชั้นล่าง เดินออกนอกห้าง วนไปขึ้นบันไดเข้าห้างอีกทีครับ จุดเดิม ที่เดิม คนตรวจเดิม ตัวผมคนเดิม แต่เปลี่ยนชุดหล่อครับ
ผ่านฉลุย ชิวชิว
ผมไม่เคยโทษเจ้าหน้าที่น่ะครับ เพราะเพื่อนผมก็บอกว่าถ้าเป็นมัน มันก็ตรวจผมแน่นอน
เพียงแค่รู้สึกขำเล็กๆ ครับ ผมไม่ปฎิเสธครับว่าภาพลักษณ์ข้างนอกของเรามันสำคัญ แต่ต้องดูสถานการณ์ควบคู่ด้วยก็คงดีครับ ถ้าต้องการตรวจเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่ข้างในตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวคน หรือตัวสิ่งของต่างๆ ก็ควรเข้มงวดกับสิ่งที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่จะคอยครวจเข้มเฉพาะกับสิ่งที่เห็นภายนอกครับ
สังคมเราบางทีก็สั่งสมค่านิยมบางอย่างที่แปลกๆ ครับ จนบางทีทำให้เราลืมความหมายของหน้าที่ตัวเอง
บางทีเวลาที่ผมต้องโดนหยุดตรวจ ผมมองดูคนที่ใส่สูทผูกไทเดินผ่านไปมา ก็ทำให้ผมหายสงสัยครับว่า ทำไมบางทีเรารู้ทั้งรู้ว่ามีผู้ทำผิด อยู่ตรงไหน และที่ใดบ้าง แต่ทำไมไม่ไปตรวจหรือจับเข้าคุกกัน
อาจเป็นเพราะชุดล่องหนที่ใส่กันอยู่ก็ได้ 555