ได้ความรู้จากครูมาหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ และชอบมากครับ
เป็นเรื่องระหว่าง I & Me
I คือ ฉัน Me คือ ฉัน ใครที่เก่งหรือมีความชำนาญเรื่องภาษาอังกฤษคงเข้าใจนะครับ
ว่ามันต่างกันอย่างไร และรู้ว่าเวลาไหนควรใช้ I หรือ Me
แต่เรื่องที่ผมจะขอนำมากล่าวคือ ไอ้คำว่า “ฉัน” ซึ่งเป็นคำแปลทั้งสองคำมันต่างกันยังไง
เขาว่ากันว่า I คือตัวตนของเราที่ประกอบขึ้นมาด้วย ความคิด,ความเชื่อ+ทัศนคติ+ค่านิยม
แต่หลังจากที่ I ก้าวออกจากประตูบ้าน ไปเจอกับกระจกสะท้อนสังคม
I จะกลับมาที่บ้านและเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้กับตนเอง
และเดินออกจากบ้านไปใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนความเป็น I กลายเป็น Me
และเชื่อมั่น ภูมิใจกับความเป็น Me
ถ้าใครไม่เข้าใจ ให้คิดภาพตามง่ายๆ ดังนี้
นาย ก แต่งตัวเดินออกจากบ้าน ไปเจอ นาย ข, ค, ง หรือนาง จ
ได้รับคำติโน่นนี้นั่น ไอ้นั้นไม่ดี ไอ้นี่ไม่เอา
ครั้งต่อไปนาย ก จะเปลี่ยนความคิด,ความเชื่อ+ทัศนคติ+ค่านิยม จากเดิม
ให้กลายเป็น ความคิด,ความเชื่อ+ทัศนคติ+ค่านิยม ใหม่ที่นาย ข, ค, ง หรือนาง จ
ยอมรับ
I ก = Me ก
กระจกสะท้อนจากสังคมสามารถทำให้ผู้คนที่อ่อนแอกับความคิดตัวเอง
สามารถเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งได้ และเชื่อว่านี่แหละคือตัวเรา
น่ากลัวนะครับ สำหรับคนหลายๆ คนที่เปลี่ยนไปแบบไม่ทันรู้ตัว
หลายคนกลัวที่จะใส่รองเท้าแตะ ขาสั้นไปเดินห้าง หรือขึ้นเครื่องบิน
หลายคนต้องยืมเงินคนอื่นไปซื้อโทรศัพท์บางยี่ห้อเพื่อมีให้เหมือนเพื่อน
หลายคนเวลาซื้อรถสิ่งที่คำนึงถึงอย่างแรกกลับเป็นสายตาที่คนอื่นมองรถเราแทนที่จะเป็นลักษณะของรถที่จะตอบสนองชีวิตเรา
หลายคนไว้ผมยาวใส่ผ้าใบเพราะอยากให้คนดูว่าเราเป็นคนแบบเซอร์ๆ แต่ชีวิตไม่ได้ใกล้เคียง
ผมเชื่อว่าใครก็สามารถเปลี่ยนจาก I เป็น Me ได้ครับ
แต่ขออย่างเดียว คุณต้องมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
และอย่าเดินไปในสังคมเพื่อให้ตัวเองดูดีแค่ในกระจกนะครับ