วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มันเรียกว่า????

มันใช้แทนกระจกได้....

ทับกระดาษได้เวลาเบื่อมันแล้ว..

มันทำให้หลายๆ คน กัดฟันต้องเป็นหนี้เพื่อมีมัน..

มันทำให้โทรศัพท์บ้านกับตู้สาธารณะตกยุค..

มันส่งเมล์ได้...

มันเล่นเนตได้..

มันถ่ายรูปได้..

มันเป็นเครื่องประดับ ทำให้หลายคนมั่นใจ..

มันเท่ห์...

มันถ่ายคลิปได้..

ฟังเพลง ฟังmp3 ...

มันส่งข้อความถึงกันได้..

มันทำให้หลายๆ คนอยู่คนเดียวก้มหน้าก้มตากดได้ทั้งวัน..

มันราคาตกทุกวัน..

แต่มีคนเปลี่ยนมันทุกเดือน..

มันเป็นเทคโนโลยีที่ตกยุคของต่างชาติ....

มันกินเงินเดือนไปเกือบครึ่งของบางคน..

มันเป็นแฟชั่นฟุ่มเฟื้อย ถ้าลืมนึกถึงประโยชน์ที่ต้องใช้มัน..

มันแพงนะ ถ้าใช้ความสามารถมันแค่หนึ่งในสี่..

มันเกือบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว..

ดูเวลาก็ได้..

ไฟฉายก็มี..

นาฬิกาปลุกยังได้..

มันเป็นปฎิทิน...

มันเป็นสมุดจดจำจนสมองเราไม่ต้องจำอะไรมาก..

มันเป็นแผนที่..

มันเป็นที่จุดฉนวนระเบิด..

มันเป็น...มันเป็น ฯลฯ ฯฯฯ

มันชื่อโทรศัพท์มือถือ

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ร้อนฉิบหาย

 

มีคนเคยบอกว่าถ้าโลกร้อนขึ้นอีก 6 องศา มนุษย์จะไม่สามารถทนอาศัยอยู่ได้

ตอนแรกก็ฟังไว้เฉยๆ ครับ คิดอยู่ว่า มันคงไม่เป็นแบบนั้นได้หรอก ถึงเป็นก็คงอีกหลายช่วงคนมั่ง

ตอนนี้ชักกลัวแล้วครับ....

ตอนเช้า 8 – 9 โมง ผมว่าเราเริ่มอยู่กลางแดดไม่ได้แล้ว มันร้อนแบบแสบๆ ผิวบอกไม่ถูก ช่วงกลางวันแดดจัดๆ ไม่ต้องพูดถึงครับ จะบ้าตาย ผมไม่ได้เป็นคนขี้ร้อนชอบนอนแอร์เท่าไหร่ ตอนนี้รู้สึกตัวเองผิวโคตรบางเลย เมื่อสมัยเรียนมัธยมยังจำได้เลยครับว่า ต้องตื่นไปซ้อมฟุตบอลตั้งแต่เช้าจนถึง 8 โมงกว่าๆ ถึงเข้าเรียน ตอนเที่ยงซ้อมต่ออีกรอบ ตอนนั้นอากาศดีมาก แดดส่องแบบรู้สึกสบายครับ ตอนนี้เชื่อไหมครับว่าหลายๆ คนบอกว่ายืนกลางแดดนานๆ ไม่ได้ทนไม่ไหวจะเป็นลม เคยได้ยินข่าวแว่วๆ มาว่าเริ่มมีวัวควายตายเพราะแดดและความร้อนกันแล้ว น่ากลัวนะครับไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

เคยคิดกันไหมครับว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรถ้าอากาศมันร้อนจนผิวเราทนไม่ไหว จะเป็นอย่างไรหากเราต้องอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา ถึงเวลาที่ต้องช่วยๆ กันบ้างแล้วล่ะครับ

ถ้าหากคิดแต่ว่าร้อนมากๆ ก็ติดแอร์ ทุกคนทุกบ้านก็ทำเหมือนกันหมด เราสบายครับ แต่โลกจะร้อนและมีมลพิษเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ไม่รู้

ตอนนี้ลองออกไปยืนกลางแดดดูนะครับ แล้วจะรู้เลยว่าสิ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด ต้นไม้ครับ มีการรณรงค์กันมายาวนานแล้วสำหรับเรื่องของการปลูกต้นไม้ ตอนนี้คงต้องจริงจังกันซะทีล่ะครับ ใครมีแผนอะไรยังไงต้องงัดกันออกมาโชว์กันแล้ว ไม่ใช่จะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตากันแข่งขายแอร์ พัดลม ยาทากันแดด ผมว่าถ้าให้ดีต้องให้ผู้บริโภครับต้นไม่ไปปลูก 10 ต้นต่อการซื้อแอร์เครื่องหนึ่งดีไหมครับ หรืออะไรก็ได้ให้มันมีการแลกเปลี่ยนแบบบังคับกันก็ได้ ไม่งั้นไม่ทันการครับผมว่า

มีวิธีหนึ่งของโรงแรมประเทศไหนก็ไม่รู้ครับจำไม่ได้แล้ว ไอเดียแจ่มมาก คนไปเปิดห้องนอนจะมีวิธีที่ทำให้ได้บัตรรับประทานอาหารในโรงแรมฟรีจำนวนกี่บาทก็ว่าไป โดยการแลกกับที่แขกต้องไปปั่นจักรยานออกกำลังกายที่สามารถผลิตไฟฟ้าไปในตัว สุดๆ ครับ โรงแรมมีแขกแถมปั่นไฟฟ้าด้วยพลังงานคนแลกกับอาหารนิดหน่อย คนไปพักได้ออกกำลังกายไปในตัวแถมกินข้าวฟรีอีก

....วินวินทั้งคู่ครับ....

 

GlobalWarming_resize tree_resize